จงลงมือทำเมื่อแน่ใจจริง ๆ ว่า
สิ่งนั้น
คุ้มค่าที่จะทำ และ
สามารถจะทำได้
และ
เมื่อลงมือทำแล้ว
ต้อง
สำเร็จ
เคยนับไหมคะ ว่าในช่วงชีวิตการทำงาน
มีกี่ครั้งที่เราต้องรับปากและลงมือทำงานที่เราไม่ถนัด หรือไม่มั่นใจว่าเราจะทำได้
หรือรู้ว่าทำไม่ได้แน่ แต่เรากลับไม่กล้าปฏิเสธงานนั้นไป ด้วยเหตุผลร้อยแปด พร้อมกับคำว่า
“ได้ค่ะ” “ได้ครับ” หลุดออกมาจากปากเราแบบไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน
เป็นเรื่องปกติค่ะ โดยเฉพาะในหมู่คนไทย ที่มักจะไม่กล้าบอกปัดงานนั้น
ๆ เหตุผลหลักมีอยู่แค่สองอย่าง คือ
1. ความเกรงใจ ไม่ว่าจะเกรงใจเจ้านาย
เกรงใจเพื่อนร่วมงาน เกรงใจลูกค้า เป็นต้น ดูเหมือนคำว่า “เกรงใจ”
จะกลายเป็นพฤติกรรมประจำชาติของคนไทยในที่ทำงานไปแล้ว
(แต่พอออกนอกที่ทำงานเมื่อไหร่ ทำไมความเกรงใจหายไปหมดก็ไม่รู้
ดูได้จากการใช้สิ่งของหรือสถานที่สาธารณะร่วมกัน ตามหมู่บ้านขนาดเล็กถึงกลาง
พบเห็นจากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นต้น) แต่ตัวเกรงใจนี่ มักเจอประเภทเกรงใจกับคนที่เรารัก
เราชอบ หรือคนที่มีผลได้ผลเสียกับเรา แต่กลับขาดความเกรงใจและปฏิเสธทันควันกับคนที่เราไม่ชอบ
ไม่อยากร่วมงานด้วย หรือเราไม่ได้ประโยชน์อะไร ทั้ง ๆ ที่งานนั้น
มีความสำคัญกับบริษัท
2. ความกลัว สิ่งที่น่ากลัวอันเป็นสาเหตุต่อเนื่องจากความเกรงใจ
เพราะความกลัว เป็นสารตั้งต้นของความเกรงใจ เป็นปีศาจของการไม่ประสบความสำเร็จ
บางคนกลัวว่าถ้าปฏิเสธเจ้านายไปแล้ว เจ้านายจะไม่สนับสนุน บางคนกลัวว่า ปฏิเสธไป
จะเป็นการขัดใจเจ้านายแล้วจะมีผลกับการประเมินผลการทำงาน หรือโดนเจ้านายกลั่นแกล้งให้งานหนักในภายหลัง
บางคนกลัวเพื่อนร่วมงานไม่คบหาสมาคมแค่เพราะไม่ช่วยทำงานนั้นให้ บางคนกลัวสารพัด
ไม่น่าเชื่อที่หลายคนไม่เคยกลัวว่าหากทำไปแล้วทำไม่ได้ หรือทำไปแล้วล้มเลิกกลางคันจะก่อให้เกิดปัญหาใด
ๆ หรือไม่
ไม่ผิดหรอกนะคะ หากสองสิ่งนี้
เป็นเรื่องจริงกับชีวิตคุณซึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่ง ที่มักจะรับปากทำงานไปก่อน
แล้วทำได้หรือทำไม่ได้ ค่อยว่ากันทีหลัง เลิกกลางคันก็คงไม่เป็นไร (มั๊ง)
แต่มิใช่กับคนที่ต้องการก้าวหน้าในอาชีพไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารในอนาคต
เพราะคนที่จะเป็นใหญ่ในวันข้างหน้า
หลักอย่างหนึ่งคือการต้องมีภาวะผู้นำ และหนึ่งในกฏของผู้นำก็คือ
“จงลงมือทำเมื่อแน่ใจจริง ๆ ว่าสิ่งนั้นคุ้มค่าที่จะทำ
และสามารถจะทำได้ และเมื่อลงมือทำแล้ว ต้องสำเร็จ”
****************************************************************************
อะไรที่เกินความสามารถ คนที่จะเป็นผู้นำที่ดีและยิ่งใหญ่
เขาจะปฏิเสธและไม่ทำค่ะ เพราะเขาทราบว่า โอกาสประสบความสำเร็จน้อยหรือไม่มีเลย
หากทำลงไป แล้วต้องล้มเลิกระหว่างทาง ความเสียหายจะเกิดขึ้นมากกว่าการปฏิเสธไม่ทำแต่เสียทีแรก
เสียทั้งเรื่องเวลาและทรัพยากร หรืออาจจะบั่นทอนกำลังใจคุณไปเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสัดส่วนงานที่ไม่สำเร็จต่องานสำเร็จมีมาก
เมื่อใครก็ตาม ได้ขอร้องให้คุณช่วยงานหรือรับงานไปทำ
สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ พิจารณาตัวคุณเองว่า คุณทำได้หรือทำไม่ได้
มั่นใจแค่ไหนว่าคุณทำได้ หากประสบพบปัญหาระหว่างทาง คุณจะมีวิธีแก้ปัญหา(คร่าวๆ)
หรือไม่ จากนั้นก็พิจารณาตัวงาน ว่างานที่จะทำนั้น เป็นไปได้หรือไม่ในทางปฏิบัติ
หรือมันเป็นเพียงแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของเจ้านายเท่านั้น
หากไปเจอลูกตื้อมาก ๆ เข้า อย่าปากหนักค่ะ
ถามขอข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่
ยิ่งกว่ากับการตัดสินใจของคุณ เช่น เป้าหมาย ผู้ร่วมงาน ระยะเวลาของงานนั้น
กำหนดส่ง และความคาดหวัง
จากนั้น ถ้าคุณพิจารณาทุกสิ่งอย่างที่มีแล้ว ตอบตัวเองได้ว่า งานนี้
ฉันทำไม่ได้แน่ ก็ขอให้ปฏิเสธกลับไปพร้อมคำอธิบายว่าเหตุใดคุณจึงต้องปฏิเสธ
อย่าเล่นตอบแค่ว่า “ไม่เอาอ่ะ ผม/หนู/ดิฉัน ทำไม่ได้
ให้คนอื่นทำเหอะ ความสามารถผมไม่ถึง” ตอบแบบนี้เมื่อไหร่
คุณเป็นได้เจอลูกบังคับกลับมาแน่นอน
คนทำงานเก่ง เป็นผู้นำคนอื่นได้ ต้องหัดวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลและความจริง
หากคุณคิดว่าคุณทำได้ รับปากทำงานนั้นเถอะค่ะ ลุยไปเลย มั่นใจแล้ว
ทำให้สุด
และเมื่อทำแล้ว จงทำมันให้สำเร็จ อย่าท้อถอย และไม่ล้มเลิกกลางคัน
“ท้อได้ แต่อย่าถอย.....ถอยได้ แต่อย่าถอน”
จำไว้เสมอค่ะ ว่า...
“เมื่อลงมือทำ จงมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จเท่านั้น”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น